ตรวจสอบสิทธิ์กับ Firebase แบบไม่ระบุตัวตน

คุณใช้การตรวจสอบสิทธิ์ Firebase เพื่อสร้างและใช้บัญชีที่ไม่ระบุชื่อชั่วคราว เพื่อตรวจสอบสิทธิ์กับ Firebase ได้ บัญชีชั่วคราวแบบไม่ระบุตัวตนเหล่านี้ใช้เพื่อ อนุญาตให้ผู้ใช้ที่ยังไม่ได้ลงชื่อสมัครใช้แอปของคุณทำงานกับข้อมูลที่ได้รับการปกป้อง โดยกฎความปลอดภัย หากผู้ใช้ที่ไม่ระบุตัวตนตัดสินใจลงชื่อสมัครใช้แอป คุณจะลิงก์ข้อมูลเข้าสู่ระบบกับบัญชีที่ไม่ระบุตัวตนได้ เพื่อให้ผู้ใช้ทำงานกับข้อมูลที่ได้รับการปกป้องในเซสชันในอนาคตได้ต่อไป

ก่อนเริ่มต้น

  1. หากยังไม่ได้ดำเนินการ ให้ทำตามขั้นตอนในคู่มือเริ่มต้นใช้งาน

  2. เปิดใช้การลงชื่อเข้าใช้แบบไม่ระบุชื่อ

    • ในส่วนการตรวจสอบสิทธิ์ของคอนโซล Firebase ให้เปิดหน้า วิธีการลงชื่อเข้าใช้
    • จากหน้าวิธีการลงชื่อเข้าใช้ ให้เปิดใช้การลงชื่อเข้าใช้แบบไม่ระบุตัวตน แล้วคลิกบันทึก

ตรวจสอบสิทธิ์ด้วย Firebase โดยไม่ระบุตัวตน

เมื่อผู้ใช้ที่ไม่ได้ลงชื่อเข้าใช้ใช้ฟีเจอร์ของแอปที่ต้องมีการตรวจสอบสิทธิ์ด้วย Firebase ให้ลงชื่อเข้าใช้ผู้ใช้โดยไม่ระบุชื่อโดยการเรียกใช้ signInAnonymously():

try {
  final userCredential =
      await FirebaseAuth.instance.signInAnonymously();
  print("Signed in with temporary account.");
} on FirebaseAuthException catch (e) {
  switch (e.code) {
    case "operation-not-allowed":
      print("Anonymous auth hasn't been enabled for this project.");
      break;
    default:
      print("Unknown error.");
  }
}

เปลี่ยนบัญชีที่ไม่ระบุตัวตนเป็นบัญชีถาวร

เมื่อผู้ใช้ที่ไม่ระบุตัวตนลงชื่อสมัครใช้แอป คุณอาจต้องการอนุญาตให้ผู้ใช้ ทำงานต่อด้วยบัญชีใหม่ เช่น คุณอาจต้องการ ทำให้สินค้าที่ผู้ใช้เพิ่มลงในรถเข็นก่อนที่จะลงชื่อสมัครใช้ พร้อมใช้งานในรถเข็นของบัญชีใหม่ โดยทำตามขั้นตอนต่อไปนี้

  1. เมื่อผู้ใช้ลงชื่อสมัครใช้ ให้ทำขั้นตอนการลงชื่อเข้าใช้สำหรับผู้ให้บริการตรวจสอบสิทธิ์ของผู้ใช้ให้เสร็จสมบูรณ์ โดยไม่ต้องเรียกใช้เมธอดใดเมธอดหนึ่งของ signInWith เช่น รับโทเค็นรหัส Google ของผู้ใช้ โทเค็นการเข้าถึง Facebook หรืออีเมลและรหัสผ่าน

  2. รับออบเจ็กต์ Credential สำหรับผู้ให้บริการตรวจสอบสิทธิ์ใหม่

    // Google Sign-in
    final credential = GoogleAuthProvider.credential(idToken: idToken);
    
    // Email and password sign-in
    final credential =
        EmailAuthProvider.credential(email: emailAddress, password: password);
    
    // Etc.
    
  3. ส่งออบเจ็กต์ Credential ไปยังเมธอด linkWithCredential() ของผู้ใช้ที่ลงชื่อเข้าใช้

    try {
      final userCredential = await FirebaseAuth.instance.currentUser
          ?.linkWithCredential(credential);
    } on FirebaseAuthException catch (e) {
      switch (e.code) {
        case "provider-already-linked":
          print("The provider has already been linked to the user.");
          break;
        case "invalid-credential":
          print("The provider's credential is not valid.");
          break;
        case "credential-already-in-use":
          print("The account corresponding to the credential already exists, "
              "or is already linked to a Firebase User.");
          break;
        // See the API reference for the full list of error codes.
        default:
          print("Unknown error.");
      }
      ```
    

หากการเรียกใช้ linkWithCredential() สำเร็จ บัญชีใหม่ของผู้ใช้จะเข้าถึงข้อมูล Firebase ของบัญชีที่ไม่ระบุตัวตนได้

ขั้นตอนถัดไป

หลังจากที่ผู้ใช้สร้างบัญชีใหม่ ระบบจะจัดเก็บบัญชีนี้ไว้เป็นส่วนหนึ่งของโปรเจ็กต์ Firebase และสามารถใช้เพื่อระบุผู้ใช้ในทุกแอปในโปรเจ็กต์ได้ ไม่ว่าผู้ใช้จะใช้วิธีการลงชื่อเข้าใช้วิธีใดก็ตาม

ในแอป คุณจะดูข้อมูลโปรไฟล์พื้นฐานของผู้ใช้ได้จากออบเจ็กต์ User ดูจัดการผู้ใช้

ในกฎความปลอดภัยของฐานข้อมูลเรียลไทม์ของ Firebase และ Cloud Storage คุณสามารถ รับรหัสผู้ใช้ที่ไม่ซ้ำกันของผู้ใช้ที่ลงชื่อเข้าใช้จากตัวแปร auth และใช้รหัสดังกล่าวเพื่อ ควบคุมข้อมูลที่ผู้ใช้เข้าถึงได้

คุณอนุญาตให้ผู้ใช้ลงชื่อเข้าใช้แอปโดยใช้ผู้ให้บริการตรวจสอบสิทธิ์หลายรายได้โดยลิงก์ข้อมูลเข้าสู่ระบบของผู้ให้บริการตรวจสอบสิทธิ์กับบัญชีผู้ใช้ที่มีอยู่

หากต้องการให้ออกจากระบบ ให้เรียกใช้ signOut()

await FirebaseAuth.instance.signOut();